ปรับแนวคิด ด้วยมิติของท่าน ว.วชิรเมธี

        
ที่มา : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/205130/%E2%80%98%E0%
        สวัสดีปีใหม่เพื่อนๆนักอ่านทุกคนนะค่ะ ขอต้อนรับเข้าสู่เดือนแรกของปี ๒๕๕๗ ค่ะ กลิ่นไอของเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ก็ยังคงคุกรุ่นอยู่ หลายๆคนก็ยังคงส่งของขวัญ ส่งความสุขให้กันอย่างไม่ขาดสาย
        ในวันนี้นิลก็เลยถือโอกาสมาส่งบุญเป็นของขวัญปีใหม่ให้เพื่อนๆด้วยเช่นกันค่ะ เป็นบุญจากการที่ได้เจริญศีลภาวนา สวดมนต์ข้ามคืนเหมือนดั่งเช่นทุกปีที่นิลกับครอบครัวได้ไปทำร่วมกันในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขอให้บุญกุศลนี้จงอำนวยอวยพรให้ผู้อ่านของนิลทุกๆคนมีความสุขและสุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้านะค่ะ


      
        ปีใหม่ วันใหม่ทั้งที ก็เลยอยากจะขอเริ่มต้นปีด้วยความเป็นศิริมงคลกันซักหน่อย วันนี้นิลได้นำเอาข้อคิด คำคม ทางพระพุทธศานามารวบรวมเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจและแนวทางในการใช้ชีวิตเริ่มต้นปี กับการตั้งใจทำสิ่งดีๆเพื่อตัวเองและเพื่อคนที่คุณรัก
ที่มา : https://www.facebook.com/vajiramedhi/posts/10151811335716167
        หลายคนอาจจะคิดว่าธรรมะเป็นเรื่องน่าเบื่อ ฟังกี่ทีกี่ทีก็ง่วงนอน แต่เพื่อนๆอย่าพึ่งคลิกออกหรือเปลี่ยนหน้าเร็วทันใด เพราะธรรมะที่นิลจะนำมาเสนอในวันนี้ เรียกได้ว่าเป็น ธรรมะกินใจ ฟังยังไงก็ไม่เบื่อ นิลรับประกันเลยค่ะ 
        สำหรับข้อคิด คำคมสอนจิต สอนชีวิตนี้ เป็นการรวบรวมผลงานเขียนของท่าน ว.วชิรเมธี มาให้เพื่อนๆได้ใช้เป็นแนวทางในการใช้ชีวิตบนเส้นทางสายสติกัน

ก่อนอื่นเรามารู้จักกับท่าน ว.วชิรเมธี กันก่อน
ที่มา : http://yoyojung-yoyojung001.blogspot.com

        ว.วชิรเมธี เป็นนามปากกาของ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี  เกิดเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2516 บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2530 ณ พัทธสีมาวัดครึ่งใต้ ต.ครึ่ง อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยมีพระครูโสภณจริยกิจ เจ้าคณะอำเภอเชียงของ เป็นพระอุปัชฌาย์ 

        ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2537 ณ พัทธสีมาวัดครึ่งใต้ โดยมีพระสุนทรปริยัติวิธาน เจ้าคณะ จ.เชียงราย เป็นพระอุปัชฌาย์ และจบการศึกษา พ.ศ. 2543 ป.ธ.9 สำนักวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ในปีเดียวกันก็จบ ศษ.บ. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. 2546 จบ พธ.ม. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กรุงเทพ

        ภูมิลำเนาของท่านอยู่ที่บ้านครึ่งใต้ ต.ครึ่ง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ท่านเป็นคนที่รักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า จึงทำให้ท่านซึมซับความรู้ทุกรูปแบบ เมื่อยังเด็ก มารดาได้พาท่านไปทำบุญที่วัดบ่อยๆ ทุกวันพระ ซึ่งผลจากการติดตามมารดาไปทำบุญบ่อยๆ นี้เอง ต่อมาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ท่านสนใจหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา และทำให้หนังสือที่ท่านอ่านไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงหนังสือความรู้หรือ
หนังสือบันเทิงทั่วไปเท่านั้น แต่หนังสือธรรมะก็เป็นหนังสือที่ท่านสนใจด้วยเช่นกัน


ที่มา : www.facebook.com/photo.php?fbid=597353360320351&set
        หลังจากจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ท่านก็ได้ขออนุญาตมารดาบวชเป็นสามเณรที่วัดครึ่งใต้ แตกต่างจากเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันที่มุ่งเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษา เมื่อบวชเป็นสามเณรแล้ว ท่านตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรม จนจบนักธรรมชั้นเอก แล้วย้ายมาพำนักอยู่ที่วัดพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีจนสำเร็จการศึกษาเปรียญธรรม ๖ ประโยค ต่อมาเมื่ออายุครบ๒๑ ปีจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดบ้านเกิด และย้ายมาพำนักที่วัดเบญจมบพิตร ในกรุงเทพมหานคร เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีต่อจนสำเร็จเป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยค ซึ่งถือเป็นการศึกษาขั้นสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย


ที่มา : www.facebook.com/photo.php?fbid=607801825942171&set
        ด้านการศึกษาทางโลกนั้น ท่านสำเร็จการศึกษาเป็น ศึกษาศาสตรบัณฑิต” (สังคม-มัธยมศึกษา)จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และ พุทธศาสตรมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปัจจุบันท่านได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์สอนนักศึกษาระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ นอกจากนั้นก็ยังรับเชิญเป็นวิทยากรบรรยายวิชาการทางพระพุทธศาสนาให้กับหน่วยงานต่างๆ อีกมากมาย ในแง่จริยวัตรส่วนตัวนั้นนอกจากท่านจะเป็นพระนักวิชาการ พระนักคิด นักเขียน แล้วท่านก็ยังสนใจฝึกสมาธิภาวนาอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่าสิบปี +





เรือชีวิตของเราจะมุ่งไปถึงเป้าหมายโดยสวัสดีได้ ต้องมีเข็มทิศนำทาง 


เข็มทิศที่ว่านี้ก็คือเข็มทิศความคิด ถ้าเราคิดถูกเรือชีวิตก็ไปถูกทิศถูกทาง


แต่ถ้าเราคิดผิด เรือชีวิตก็ไปผิดทิศผิดทาง

ที่มา : www.facebook.com/photo.php?fbid=596645403724480&set

        พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "จิตเตนะ นียะติ โลโก แปลว่า โลกหมุนไปเพราะความคิด" หรือแปลอีกอย่างว่า บรรดาโลกทั้งหลายจะเป็นอย่างไรก็เพราะความคิด ฝรั่งแปลว่า "You are what you believe คุณเชื่ออย่างไร คุณคิดอย่างไร คุณก็จะใช้ชีวิตอย่างนั้น"       

ที่มา : www.facebook.com/photo.php?fbid=499897546732600&
     

        "ความคิด" คือสภาวธรรมอย่างหนึ่งในขันธ์ห้า ภาษาธรรมเรียกว่า "สังขาร" แปลตามภาษาวัดว่า "การปรุงแต่ง" คือการปรุงแต่งทางจิตใจ แปลให้เป็นภาษาร่วมสมัยว่า "ความคิด" ความคิดสำคัญเพียงใด พระพุทธองค์ท่านตรัสไว้ว่า ความคิดนี้เป็นนายของสรรพสิ่ง ซึ่งมีพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ว่า ความคิดนี้เป็นนายของสรรพสิ่งซึ่งมีพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ว่า  "นโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฎฐา มโนมยา แปลว่า ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ใจสำคัญที่สุด ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ"



        ใจในที่นี้คือความคิด สำคัญที่สุด หากว่าเราคิดดี หรือมีใจผ่องแผ้ว คำพูดการกระทำก็จะดีตาม เสมือนเงาตามตัว คนเราถ้าคิดชั่ว คำพูดการกระทำของเราก็ชั่วตาม เหมือนกับล้อเหวียนหมุนเวียนตามรอยเท้าโค นี่คืออิทธิพลของความคิด

        


        หากเราคิดดีมีจิตใจผ่องใส การพูดของเราก็ดี การกระทำของเราก็ดี ผลจากการคิดดี พูดดี ทำดีนั้น ความสุขก็ติดตามตัวเราเป็นเงาติดตามตนไปทุกหนทุกแห่ง ในทางกลับกัน หากเราคิดชั่ว ก็จะพูดชั่วและทำชั่ว และผลแห่งการคิดชั่ว พูดชั่ว และทำชั่วนั้น ทุกข์ก็จะติดตามเราดังหนึ่งล้อเกวียนหมุนเวียนตามรอยเท้าโค นี่คือบทพิสูจน์ว่า จิตหรือความคิดเป็นนายของทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะความคิดหรือจิตนี้เป็นผู้กำหนดสรรพสิ่ง


        สรรพสิ่งจะมีคุณค่าจะมีควมหมายต่อเราหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเราคิดอย่างไร เช่น เพชรคือแร่ธาตุ คือหินชนิดหนึ่ง แต่พอความคิดของมนุษย์ทั่วโลกไปประเมินว่า หินชนิดนี้ที่เรียกว่าเพชร เป็นสิ่งสูงค่าคนก็แย่งกันครอบครอง แต่สำหรับพระพุทธเจ้าแล้ว เพชรก็คือหินก้อนหนึ่ง ไม่มีความหมายอะไร เพราะท่านอยู่นอกเหนือการประเมินค่า

จากหนังสือ ๙ เรื่องเพื่อความก้าวหน้า โดย พระมหาวุฒิชัย ว.วชิรเมธี 





        นิลคิดว่าพระพุทธศานาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจในเวลาที่เรามีความทุกข์หาทางออกไม่เจอ หากเราจะมองดีๆ พระพุทธศานาเป็นเรื่องที่อยู่รอบตัวเราทั้งนั้น เราไม่จำเป็นต้องเข้าวัดฟังเทศน์ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องจำพิธีกรรมทางศาสนาได้อย่างแม่นยำทั้งหมด เพียงแค่เรามีจิตใจที่เป็นกุศล เข้าใจและยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว เราก็ได้บุญกุศลเช่นกัน
        ทั้งหมดทั้งมวลที่นิลได้ยกมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักธรรมนำความคิดเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตด้วยความสงบสุข แม้ว่าเราจะอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายก็ตาม ทั้งนี้ทั้งนั้น คำคม ข้อคิดต่างๆเหล่านี้จะไม่เกิดผล ถ้าเราไม่คิดตามและนำไปปฏิบัติ
        สุดท้ายนี้นิลมีหวังว่าข้อคิดดีๆจากงานเขียนของท่าน ว
.วชิรเมธีที่นิลได้รวบรวมมาจะเป็นประโยชน์ต่อบุคคลที่พบเห็นและสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการดำรงชีวิตบนเส้นทางสายสติให้เกิดผลได้ ขอบคุณค่ะ :)





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น